Thursday, January 31, 2008

ห้องเก่า

ประตูยังเปิด ที่ริมระเบียง ได้ยินเสียง นกที่ร้องขับขาน
นาฬิกาเรือนเก่า ก็ยังเดินไปทุกวัน สิ่งเหล่านั้นมันยังคงเหมือนเดิม

หนังสือที่อ่าน ยังค้างหน้าเก่า รูปของเรา ก็ยังติดบนผนัง
โต๊ะเก้าอี้ที่จัด ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง
แต่คนนั่งนั้นมันมีไม่เท่าเดิม

เมื่อสิ่งที่เคยคุ้นตา กลับมองหาสิ่งที่คุ้นใจ ไม่เจอ
เหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ขาดเธอ
ยังเจ็บเสมอทุกวันที่เธอ ห่างร้างไป

ในห้อง ๆ เก่า มีความเดียวดาย กับลมหายใจที่สุดเหงา
และแม้ทุกอย่างนั้นยังวางไว้ที่เก่า
ต่างกันตรงที่ฉันเหงาเพียงลำพัง


เมื่อสิ่งที่เคยคุ้นตา กลับมองหาสิ่งที่คุ้นใจ ไม่เจอ
เหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ขาดเธอ
ยังเจ็บเสมอทุกวันที่เธอ ห่างร้างไป

แม้แสงจะส่อง ให้เราแสบตา แค่หลับตา เพียงไม่นานก็หายดี
แต่ใจของคน แสบไม่หายสักที จะกี่เดือนหรือกี่ปีก็ต้องทน
จะวันนี้ หรือพรุ่งนี้ก็ต้องท
...
สิงหาคม 2550
ห้องเก่า

A1 ประตูยังเปิด ที่ริมระเบียง ได้ยินเสียง นกที่ร้องขับขาน
นาฬิกาเรือนเก่า ก็ยังเดินไปทุกวัน สิ่งเหล่านั้นมันยังคงเหมือนเดิม
A2 หนังสือที่อ่าน ยังค้างหน้าเก่า รูปของเรา ก็ยังติดบนผนัง
โต๊ะเก้าอี้ที่จัด ยังเหมือนเดิมทุกอย่างแต่คนนั่งนั้นมันมีไม่เท่าเดิม
H เมื่อสิ่งที่เคยคุ้นตา กลับมองหาสิ่งที่คุ้นใจ ไม่เจอ
เหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ขาดเธอยังเจ็บเสมอทุกวันที่เธอจากฉันไป
A3 ในห้อง ๆ เก่า มีความเดียวดาย กับลมหายใจที่สุดเหงา
และแม้ทุกอย่างนั้นยังวางไว้ที่เก่า
ต่างกันตรงที่ฉันเหงาเพียงลำพัง
H เมื่อสิ่งที่เคยคุ้นตา กลับมองหาสิ่งที่คุ้นใจ ไม่เจอ
เหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ขาดเธอ
ยังเจ็บเสมอทุกวันที่เธอจากฉันไป
(A4 แม้แสงจะส่อง ให้เราแสบตา แค่หลับตา เพียงไม่นานก็หายดี
แต่ใจของคน แสบไม่หายสักที จะกี่เดือนหรือกี่ปีก็ต้องทนจะวันนี้ หรือพรุ่งนี้ก็ต้องทน)

Sunday, January 27, 2008

เชื่อเถอะ

เมื่อดวงตะวันยังทอแสง ส่องลงมา
ให้เราได้มองไปบนฟ้า ที่กว้างไกล
อาจมีเมฆดำเข้ามา ฟ้าก็มืดไป
ก็อาจเป็นบางวันที่ฟ้า ต้องหวั่นไหว

แต่จงเชื่อเถอะ...ไม่นานดวงตะวันก็จะมี เช้าวันใหม่
เมฆฝนที่พัดกระหน่ำ อาจทำให้ใจเปียกปอน
แต่สิ่งเป็นความแน่นอน เชื่อเถอะว่าไม่เป็นไร

ก็เป็นอย่างนี้แหล่ะชีวิต ผิดแปลกตรงไหน
ย่อมมีเวลาที่ดีและร้าย เป็นธรรมดา
อาจมีบ้างที่ล้มลง ก็แค่ลุกขึ้นมา
แต่อย่ายอมหมดศรัทธา เชื่อในตัวเอง

แต่จงเชื่อเถอะ...ไม่นานดวงตะวันก็จะมี เช้าวันใหม่
เมฆฝนที่พัดกระหน่ำ อาจทำให้ใจเปียกปอน
แต่สิ่งเป็นความแน่นอน เชื่อเถอะว่าไม่เป็นไร


เชื่อเถอะ... เมื่อเวลาต้องเผชิญ เรื่องร้ายแรง ท้อในใจ
แต่อย่าคิดว่าเราหมดหวัง แค่สักครั้งที่พักเก็บแรง
จนเราพร้อมและมีเรี่ยวแรง จนแกร่งก็สู้มันไป

สิ่งที่เป็นความแน่นอน
เราต้องผ่านพ้นมันไป...


2546

หมายเหตุ เพลงนี้แต่งเมื่อได้ฟังเพลง คืนอันเป็นนิรันดร์ตอนอยู่ปีหนึ่ง หลังจากพบว่าเพลงนี้มันศักดิ์สิทธิ์ เพราะเค้าแต่งยาก...(แล้วไงวะ?) ก็เลยอยากแต่งเพลงรุ่งเช้ามั่ง เป็นภาคต่อของคืนอันเป็นนิรันดร์....ทว่า ก็ได้แค่นี้แหล่ะคร้าบ ท่านผู้ฟัง

Sunday, January 20, 2008

โอ้รัก

มันดลบันดาล ให้ใครยิ้มได้
มันทรมาน ทำคนร้องไห้
มันปวดมันร้าว สุขซึ้งข้างใน
มันขื่นมันขม รื่นรมย์เหลือใจ
มันน่าหัวเราะ พอ ๆ กับน้ำตาไหล
มันเป็นอย่างไร มันเป็นอย่างไร
เมื่อเราขาดมัน เราอยู่ไม่ได้
เมื่อมันเข้ามา ก็ทนไม่ได้
มันเปลี่ยนชีวิต ให้พลิกผันไป
มันเปลี่ยนโลกนี้ ให้มันดีร้าย
เป็นปริศนา ให้เราค้นหา..กันไป
มันคืออะไร มันคืออะไร
โอ้รัก...ต่อลมหายใจ
โอ้รัก...หยุดลมหายใจ
โอ้รัก...มันคืออะไร
โอ้รัก...ต้องทำอย่างไร
โอ้รัก...ต่อลมหายใจ
โอ้รัก...หยุดลมหายใจ
โอ้รัก...มันคืออะไร
โอ้รัก...ต้องทำอย่างไร
รัก...ฉันไม่เข้าใจ
13 ม.ค. 51

Tuesday, January 15, 2008

นอนไม่ยอมหลับ หรือ หลับไม่ยอมตื่น

ไม่อยากตื่นนอน

ทุก ๆ ครั้ง ที่เราหลับตา ก็เจอหน้าเธออยู่อย่างนี้
และทุกครั้ง ที่นอนกอดหมอน เราก็นอนฝันดี

เพราะที่ฝัน มันมีแต่เธอ ได้เจอพูดคุยแค่เราสอง
แล้วทุกเช้า เมื่อเราตื่นนอน ก็พบว่ามันไม่มี

เป็นแค่ฝันมันเพียงแค่ฝันไป ไม่มีวันจะกลายเป็นจริง
ตื่นจากฝันก็จบ หายไปทุกสิ่ง ที่เหลือก็เพียงความเหงา
เมื่อทุกเช้า...ลืมตาขึ้นมา ไม่เจอ ไม่มีเธอแล้ว
ยิ่งเราฝัน ยิ่งทรมาน เมื่อรู้ ว่าเธอไปแล้ว ไม่อยากตื่นนอน

ยิ่งเราฝัน ฝันดีเราไร ตื่นมาก็เจ็บเท่านัั้้น
อยากหยุดฝัน อยากหยุดเวลา ถ้ามันทำให้เราพบกัน

แต่ชีวิต มันคือเรื่องจริง มันยังคงเป็นอย่างนั้น
เมื่อทุกเช้า ช่างทรมาน อยู่ไปแค่เพียงพ้นวัน

เป็นแค่ฝันมันเพียงแค่ฝันไป ไม่มีวันจะกลายเป็นจริง
ตื่นจากฝันก็จบ หายไปทุกสิ่ง ที่เหลือก็เพียงความเหงา
เมื่อทุกเช้า...ลืมตาขึ้นมา ไม่เจอ ไม่มีเธอแล้ว
ยิ่งเราฝัน ยิ่งทรมาน เมื่อรู้ ว่าเธอไปแล้ว ไม่อยากตื่นนอน




ที่ผ่านมันไปทุกคืน


ที่ผ่านมันไปทุกคืน ฉันยังคงตื่นข่มตาไม่ไหว
มองเห็นแสงพระจันทร์ ทาบทากิ่งไม้ น้ำค้างร่วงไหลลงดิน

ทนอบู่กับความเหงาใจ ที่มาทักทายให้ได้ยิน
รู้จักกับมัน จนฉันชาชิน อยากจะบินหนีมันเหลือเกิน

แต่ไม่รู้...จะหนีไปยังไง ความเหงาก็ตามไปอยู่ดี
ก็ไม่รู้ มีวิธีใด ๆ ไม่อยากนอนกอดมันอีกแล้ว

ทุกคืนที่ผ่าน เนิ่นนานเหลือเกิน หลับตาข่มตาเอาไว้
แต่ทุกทีก็กลับไม่เคยทำได้ เมื่อสุดท้ายก็ยังคงคิด...
ถึงใครบางคนที่ไม่รู้อยู่ไหน และไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ใจโหยหา...hmmm
ได้แต่หวังให้เขาเข้ามาปัดเป่าความเหงา...

ที่ผ่านมันไปทุกคืน ฉันยังคงตื่นลืมตาอย่างนี้
เมื่อไรดวงตะวัน จะฉายแสงสักที ให้พ้นกลางคืนนี้ไป


แต่ไม่รู้...จะหนีไปยังไง ความเหงาก็ตามไปอยู่ดี
ก็ไม่รู้ มีวิธีใด ๆ ไม่อยากนอนกอดมันอีกแล้ว

ทุกคืนที่ผ่าน เนิ่นนานเหลือเกิน หลับตาข่มตาเอาไว้
แต่ทุกทีก็กลับไม่เคยทำได้ เมื่อสุดท้ายก็ยังคงคิด...
ถึงใครบางคนที่ไม่รู้อยู่ไหน และไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ใจโหยหา...hmmm
ได้แต่หวังให้เขาเข้ามาปัดเป่าความเหงา...










แบบไหนที่ีทรมานกว่ากัน

Wednesday, January 9, 2008

มันเป็นอย่างนั้นของมันเอง

A1 เหม่อมองท้องฟ้า วันนั้นฟ้าดูสดใส
มองดูต้นไม้ ใบไม้ก็เต็มกิ่งก้านใบ
มันเป็นวันที่แสนเป็นสุข มองดูในทุกสิ่ง
อะไร ๆ รอบตัวก็มีแต่ความสวยงาม

A2 แต่ฟ้าวันนี้ ทำไมมันดูหมองหม่น
มองดูต้นไม้ ใบไม้ร่วงหล่น ไม่เหลือสักใบ
มันเป็นวันที่แสนเปล่าเปลี่ยว มีความเหงาและเดียวดาย
อะไร ๆ รอบกายก็มีแต่ความมืดมัว

H1 ทำไมฟ้าสวยงามดูดี วันนี้มันกลับมัวหมอง
ยิ่งได้มอง หัวใจก็พลันสั่นเครือ
ต้นไม้ที่เคยชุ่มเขียวเต็มใบ ไม่มีสักที่เหลือ
เหลือเพียงแต่ความแห้งแล้ง ที่มองแล้วแสนอ้างว้าง
เพราะอะไรท้องฟ้าต้นไม้ ถึงได้ดู เปลี่ยนไป อย่างนั้น

A3 ก็เป็นท้องฟ้า ฟ้าก็ยังฟ้าเดิม
และเป็นต้นไม้ ต้นไม้ก็ยังเป็นต้นเดิม
เพียงแต่ลมฝนโปรยกระหน่ำ ทำให้เมฆหมดขาว
และเป็นไปตามฤดูที่ทำ ใบไม้ให้ตกร่วงกราว



H2 มันก็เป็นเช่นนั้นของมัน ไม่มีอะไรยืนยาว

คงแต่เพียงเรื่องราวให้เราได้จดจำ

มันก็เป็นเช่นนั้นของมัน ไม่มีอะไรฉุดรั้ง

ประสาอะไรใจคนบาง ๆ มันไม่เคยจะปล่อยจะวาง

14 Dec 2546

Thursday, January 3, 2008

Pai Pai



23 - 29 Dec 2008